ข้อมูล:
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นหนึ่งในอาคารของกองทัพที่ประชาชนและนักท่องเที่ยวไม่สามารถถ่ายบันทึกภาพได้ เพราะสปป.ลาวยังมีกฎหมายด้านความมั่นคงในการถ่ายภาพอาคารที่ตั้งของทางราชการแม้ไม่ใช่พื้นที่ทางการทหารอยู่ โดยตั้งอยู่บนถนนไกรสร พรหมวิหาร ด้านข้างของกระทรวงป้องกันประเทศ(ที่เข้มงวดเรื่องการถ่ายภาพมากแม้แต่รถกูเกิ้ลสตรีทก็ไม่สามารถแล่นเข้าไปเพื่อทำแผนที่ได้เหมือนพื้นที่อื่นๆ ) เปิดทำการตั้งแต่วันอังคารถึงวันอาทิตย์แบ่งช่วงการเปิดทำการเป็น2ช่วงตามเวลาราชการของที่นี้ คือช่วงเช้า 8.00-11.30 น. และช่วงเย็น 13.30-16.00น. ปกติชาวต่างชาติจะเสียค่าเข้าชม0,000กีบ ส่วนชาวลาว0,000กีบ แต่ห้วงเวลาที่เราอยู่ในเวียงจันทน์นี้เป็นวาระของการฉลองการก่อตั้งกองทัพ ทั้งชาวต่างชาติและชาวลาวสามารถเข้าชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
          การจัดแสดงแบ่งงออกเป็น3ส่วนคือการจัดแสดงอาวุธในห้วงเวลาที่ผ่านมาของกองทัพสปป.ลาวที่ลานจัดแสดงด้านหน้า ,การจัดแสดงภายในตัวอาคาร และ ลานจัดแสดงซากอาวุธของกองทัพต่างชาติที่เข้ามาทำการรบในห้วงเวลาของสงครามซึ่งจุดเด่นของการจัดแสดงด้านนอกคือ เครื่องบินเจ็ตขับไล่หลักของกองทัพอากาศลาวในอดีต Mig-21 Bis ที่ได้รับมอบจากสหภาพโซเวียตในปีพ.ศ.2526 หนึ่งในจำนวนราว20 ลำที่เป็นการนำลำเลียงมาจากสนามบินเชียงของหลังจากปลดประจำการมาแล้วหลายปี 
        ถัดมาเป็นเครื่องบินลำเลียงอเนกประสงค์แบบAn-2โคลท์ แม้จะมีภาพลักษณ์เป็นเครื่องบินปีก2ชั้น แต่นี่คืออากาศยานที่ออกแบบและผลิตด้วยเทคโนโลยีการบินหลังยุคสงครามโลกครั้งที่2 ที่โซเวียตนำมาใช้ในสนามบินส่วนหน้าที่ต้องการความทนทานในการใช้งานเป็นหลัก กรมบินของแนวร่วมรักชาติลาวใช้เครื่องบินแบบนี้ในการบินลำเลียงยุทธปัจจัยระหว่างฮานอยและเวียงจันทน์ ในปีพ.ศ.2516 และยังเป็นแบบที่นำจ้าวสุถานุวงศ์และผู้นำของแนวลาวรักชาติเข้าเจรจากับรัฐบาลเวียงจันทน์ในปีพ.ศ.2517
      อากาศยานอีกแบบที่จัดแสดงอยู่คือเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงแบบMi-8 ฮิปของโซเวียต มีการใช้งานในปีพ.ศ.2517เพื่อลำเลียงเจ้าหน้าจากลาวในแขวงเวียงชัยไปยังเวียดนามเพื่อทำการฝึกทางการทหาร ในปีพ.ศ.2527มีบทบาททางการรบในกรณีความขัดแย้ง3หมู่บ้านในจังหวัดชัยยะบุรี และการรบที่บ้านบ่อแตน(กรณีร่มเกล้า)ในปีพ.ศ.2530-2531
      หนึ่งในรถถังที่จัดแสดงอยู่ภายนอกในสภาพสมบูรณ์คือรถถังเบาแบบ58 จากจีน เป็นของกองพันยานเกราะที่615ที่มีบทบาทอย่างมากในสงครามปลดปล่อยในปฏิบัติการLamson719 ในพื้นที่จังหวัดสวรรณเขตกับกำลังทหารนอกแบบของไทยในปีพ.ศ.2514และทุ่งไหหิน เขตเชียงขวางในพ.ศ.2515 และการยุทธที่ถนนยุทธศาสตร์หมายเลข7เขตวังเวียงในปีพ.ศ.2516 ส่วนรถบรรทุกที่อยู่ด้านข้างคือรถลำเลียงแบบZil131ในรุ่นรถอู่สนามของกองพัน401มีบทบาทในการซ่อมยุทธยานยนต์ในแนวหน้าของพื้นที่6จังหวัดทางเหนือโดยเฉพาะการปลดปล่อยจังหวัดหัวพันในปี พ.ศ.2511และทำหน้าที่การซ่อมฉุกเฉินตามแนวการรบของถนนหมายเลข7ที่เชื่อมต่อเวียดนามไปจนถึงทุ่งไหหิน 
        ปืนใหญ่ที่อยู่ด้านหน้าคือปืนใหญ่ฮาววิทเซอร์ขนาด130มม.ของกองพันวีรชน605ได้รับมอบจากโซเวียตในปีพ.ศ.2512 มีบทบาทในการรบที่ทุ่งไหหินและโจมตีค่ายข้าศึกในปฏิบัติการทนงเกียรติในปีพ.ศ.2513 จนมาถึงการยุทธครั้งสำคัญในทำลายฐานหลักของนายพลวังเปาที่ล่องแจ้งในปีพ.ศ.2515 ด้วยการสนธิอำนาจการยิงกับอาวุธหนักแบบอื่นๆจนได้รับชัยชนะ
          ก่อนจะเข้าไปภายในตัวอาคารปืนใหญ่ขนาด122มม.ของโซเวียตตั้งอยู่ทั้ง2ด้านของทางเข้าซึ่งปืนทั้ง2กระบอกล้วนมีป้ายบอกประวัติในการปฏิบัติการเพื่อการปลดปล่อยพื้นที่ต่างๆของลาวในช่วงสงคราม เมื่อเข้าไปภายในพื้นที่จัดแสดงในตัวอาคารจะเป็นพื้นที่ห้ามถ่ายภาพ และต้องฝากสัมภาระในตู้ล็อคเกอร์ ซึ่งในขณะที่เราจะเข้าชมภายในก็มีคณะเยาวชนจากโรงเรียนอนุบาลมาเยี่ยมชมเช่นเดียวกับบรรยากาศของพิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศที่เราคุ้นเคย

วันและเวลาเข้าชม: 
ช่วงเช้า    08:00น.–11:30น.
ช่วงบ่าย    13:30น.–16:00น.
 
ค่าเข้าชม: คนละ 0,000 กีบ (หรือ 00 บาท)

สิ่งอำนวยความสะดวก: ห้องน้ำ

หมายเหตุ: เขาห้ามถ่ายรูปด้านใน โดยข้างในจะจัดแสดงสิ่งของเกี่ยวกับการทหาร อาทิ เช่น ปืนใหญ่, ชุดเครื่องแบบ และเครื่องประดับต่างๆทางการทหาร

การเดินทาง:

สถานที่ตั้ง: ถนนไกรสร พรหมวิหาร, นครหลวงเวียงจันทน์.
ขอขอบคุณรูปภาพจาก: Houmphet Manisouk
ขอขอบคุณข้อมูลจาก: thaiarmedforce.com