ข้อมูล:
สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของลาวคงหนีไม่พ้น สระมรกต ทุ่งไหหิน เวียงไซ
รวมถึงวัดวาอารามต่าง ๆ ที่มักมีคนรีวิวผ่านทางเว็บไซต์ และสื่อโซเชียลมีเดีย
ต่าง ๆ
ทว่าหลายคนอาจยังไม่ทราบว่าเมืองชายแดนอย่างเวียงไซที่เป็นเมืองชายแดนนั้น
ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าทึ่งรอให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัส
เวียงไซ (Vieng Xai) เป็นเมืองที่อยู่ในแขวงหัวพัน (Hua Phan) ของประเทศลาว
โดยอยู่ห่างจากเมืองซำเหนือ (Xam Neua) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของแขวงหัวพัน
ประมาณ 30 กิโลเมตร ลักษณะของเมืองเป็นเมืองที่เงียบสงบ กลางเมืองมีทะเลสาบ
และล้อมรอบด้วยภูเขาหินปูน เวียงไซเป็นเมืองที่อยู่ชายแดนของลาว
โดยทิศตะวันออกและทิศเหนือมีอาณาเขตติดกับประเทศเวียดนาม ซึ่งมีระยะห่างเพียง
55 กิโลเมตรเท่านั้น ส่วนทางด้านทิศตะวันตกติดกับแขวงหลวงพระบาง
และทิศใต้ติดกับแขวงเชียงขวาง
สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นเสมือนแม่เหล็กของเมืองแห่งนี้ คงไม่พ้น “ถ้ำผู้นำ”
หรือ Vieng Xai Caves
ซึ่งเป็นถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ที่ถูกปกคลุมด้วยแมกไม้นานาพันธุ์
หากมองเพียงแค่ภายนอก ถ้ำแห่งนี้ก็ไม่ต่างจากถ้ำหินปูนทั่ว ๆ ไป
แต่เมื่อเห็นภายในถ้ำจะทึ่งกับความน่าอัศจรรย์
เนื่องจากภายในนั้นถูกทำให้กลายเป็นที่อยู่อาศัย แบ่งเป็นห้องต่าง ๆ อาทิ
ห้องรับแขก ห้องประชุม ห้องหลบภัย ห้องสำหรับเล่นกีฬา เป็นต้น
รวมถึงมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน อีกทั้งยังมีเครื่องระบายอากาศ
ระบบป้องกันแรงระเบิดและแก๊สพิษ ซึ่งภายในถ้ำนั้นรองรับผู้อาศัยได้ถึง 20,000
คน
วัตถุประสงค์ในการสร้างถ้ำผู้นำมาจากในอดีตช่วงสงครามอินโดจีน
สหรัฐอเมริกาได้ทิ้งระเบิดลงยังประเทศลาวหลายต่อหลายลูกเพื่อกวาดล้างคอมมิวนิสต์ให้หมดสิ้น
โดยทิ้งระเบิดเป็นเวลาติดต่อกันนานถึง 9 ปี
ถ้ำแห่งนี้จึงถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นที่หลบภัยของเหล่าแกนนำทหารคอมมิวนิสต์
เป็นเสมือนศูนย์บัญชาการใหญ่ของกองทัพปลดปล่อยประเทศลาว
ซึ่งถ้ำในลักษณะเดียวกันนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่หลบภัยอยู่ถึง 12
แห่งในเมืองเวียงไซ แต่ปัจจุบันเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมเพียงแค่ 6
ถ้ำเท่านั้น โดยนอกจากจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเดินเที่ยวชมภายในถ้ำแล้ว
ยังมีการแสดงนิทรรศการเล่าถึงความเป็นมาของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเวียงไซ
โดยนำเสนอผ่านแง่มุมของความเสียสละ และความรักชาติของชาวลาว
ถ้ำผู้นำที่เป็นที่รู้จักและมีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยนิยมเข้าชม ได้แก่
ถ้ำท่านประธานไกสอน พรมวิหาน อดีตประธานประเทศลาว
ถ้ำแห่งนี้เป็นถ้ำที่มีลักษณะเป็นถ้ำ 2 ถ้ำเชื่อมต่อกัน
และเนื่องจากสูงกว่าระดับพื้นดิน จึงต้องสร้างบันไดขึ้นมายังถ้ำ 32 ขั้น
เดิมถ้ำแห่งนี้มีชื่อว่า ถ้ำผาหย่อน
เนื่องจากสมัยก่อนถ้ำแห่งนี้มีผึ้งอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
ชาวบ้านจึงต้องการขึ้นไปหารังผึ้ง แต่ทางขึ้นค่อนข้างลำบาก
ชาวบ้านต้องปีนขึ้นผาแล้วหย่อนเชือกมาเพื่อเก็บรังผึ้ง
จึงเป็นที่มาของชื่อผาหย่อน แต่มาในปี 1964
ท่านประธานไกสอนได้ย้ายเข้ามาอยู่ที่ถ้ำแห่งนี้เพื่อพำนัก
และใช้เป็นที่ทำการของกองทัพ ภายในถ้ำมีความยาว 140 เมตร
ประกอบไปด้วยห้องประชุม ห้องรับรองแขก ห้องป้องกัน ห้องนอน ห้องค้นคว้า
ห้องสโมสรเพื่อใช้สำหรับเล่นกีฬาและทำงานศิลปะ
รวมถึงที่ปากถ้ำยังมีถ้ำขนาดเล็กที่ใช้เป็นที่ประกอบอาหารในช่วงสงคราม
ต่อมาปี 1973
ได้มีการสร้างเรือนหลังหนึ่งเพิ่มเติมเพื่อเป็นเรือนพักของท่านประธานไกสอน
ทว่าก่อนที่จะสร้างแล้วเสร็จ ท่านประธานได้ย้ายเข้าเวียงจันทร์ไปก่อน
ทำให้เรือนหลังดังกล่าวถูกใช้สำหรับเก็บเอกสารและพัสดุทางประวัติศาสตร์
ถ้ำท่านประธานสุพานุวง อยู่ไม่ไกลจากถ้ำท่านประธานไกสอน เดิมเรียกกันว่า
ถ้ำผาปุ่ง (ผาโป่ง) เนื่องจากสมัยก่อนนั้นบริเวณถ้ำแห่งนี้เป็นป่าดงดิบ
มีสัตว์ต่าง ๆ อาศัยอยู่มากมาย และมีโป่งน้ำไว้สำหรับให้สัตว์ไว้กิน
ซึ่งต่อมาในปี 1964 ท่านประธานสุพานุวงได้เข้ามาพำนักในถ้ำแห่งนี้
และเริ่มปรับปรุงให้มีห้องต่าง ๆ
นอกจากนี้ยังมีเรือนหลังเล็กซึ่งสร้างขึ้นเพื่อให้ท่านประธานสุพานุวงพักอยู่หลังสงคราม
รวมถึงมีการสร้างบ่อน้ำพุรูปหัวใจและมีการปลูกต้นไม้ที่มีใบสีแดงไว้บริเวณรอบ
ๆ ถ้ำอีกด้วย นอกเหนือจากถ้ำท่านประธานทั้งสองแล้ว ยังมีถ้ำที่น่าสนใจได้แก่
ถ้ำท่านคำไต สีพันดอน และถ้ำท่านหนูฮัก พูมสะหวัน
ซึ่งไม่เพียงจะเป็นถ้ำที่ออกแบบเพื่อใช้เป็นสถานที่หลบภัยสงครามเท่านั้น
แต่ยังเป็นกองบัญชาการของผู้นำในสมัยสงครามอีกด้วย ที่สำคัญ เมืองเวียงไซ
ยังมีถ้ำเล็กถ้ำใหญ่กระจายอยู่รอบเมืองกว่า 400 ถ้ำ
สำหรับการเดินทางมายังเวียงไซเพื่อเยี่ยมชมถ้ำต่าง ๆ
สามารถเลือกโดยสารรถจากเมืองเชียงขวางและอุดมไชย
หรือจะเลือกโดยสารเครื่องบินจากเวียงจันทร์มายังซำเหนือก็ได้เช่นกัน
จากนั้นค่อยต่อรถสองแถวเล็กจากซำเหนือไปต่อยังเวียงไซ
ซึ่งรถสาธารณะดังกล่าวจะให้บริการแค่วันละ 1 เที่ยวในช่วงเช้าเท่านั้น
ทำให้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะใช้วิธีเช่ารถมอเตอร์ไซค์เพื่อขับไปเอง
เพราะได้ความคล่องตัวและมีความสะดวกมากกว่า
เวียงไซถือเป็นเมืองที่มีธรรมชาติสวยงามและบรรยากาศดี
รวมถึงเป็นเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งประวัติศาสตร์ความกล้าของวีรชนชาวลาว
ซึ่งหากใครชอบความสงบของเมืองเล็ก ๆ ที่คนไม่พลุกพล่าน
และไม่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับความวุ่นวายเร่งรีบ
เมื่อได้มีโอกาสเดินทางมาเยือนที่นี่แล้ว
คงจะต้องติดใจเมืองแห่งนี้อย่างแน่นอน.
ค่าเข้าชม: บัตรเข้าชมราคา 10,000 กีบลาว หรือราว 40 บาท
สิ่งอำนวยความสะดวก:
หมายเหตุ:
การเดินทาง:
สถานที่ตั้ง: เมืองเวียงไซ แขวงหัวพัน
0 ความคิดเห็น